สิ่งที่ผู้จัดการโรงแรมสามารถทำได้เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

ผู้จัดการโรงแรมไม่เคยรู้ว่าห้องพักในโรงแรมสัมผัสกับเชื้อโรคในอากาศหรือบนพื้นผิวหรือไม่ แต่มีข้อควรระวังที่ผู้ประกอบการโรงแรมดำเนินการซึ่งสามารถช่วยให้แขกของโรงแรมออกจากการเข้าพักโดยไม่ได้รับบาดเจ็บจากเชื้อโรค

แขกผู้รักสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

แขกของโรงแรมให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ก่อนจองโรงแรม ฉันมักจะตรวจสอบความคิดเห็นเกี่ยวกับความสะอาดและการดูแลทำความสะอาดในรีวิวเสมอ และสิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อเข้าไปในโรงแรมคือการล้างมือ ทำไม เพราะการเดินทางเข้าโรงแรมมีโอกาสปนเปื้อนได้ ฉันอาจเจอเชื้อโรคเมื่อกดปุ่มลิฟต์ ใช้ราวจับ หรือเปิดประตู

ภายในห้องเองก็มีสถานที่ให้เชื้อโรคซ่อนอยู่มากมาย ฉันชอบตรวจดูตัวเรือดบนที่นอนและตรวจดูว่ามีไข่ขาวเล็กๆ หรือผิวหนังหลุดออกมาหรือไม่ ซึ่งอาจโปร่งใสหรือมีสีเหลือง

ในส่วนอื่นๆ ของห้อง ผ้าม่านหนาๆ เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเศษขยะ ห้องน้ำอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้มาก แม้ว่าฝารองนั่งชักโครกจะดูสะอาดสะอ้านก็ตาม และพรมติดผนังจะเปลี่ยนพื้นทั้งหมดให้เป็นฟองโฟมเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่น่าสนใจคือแง่มุมหนึ่งของห้องพักในโรงแรมแทบจะไม่ได้รับความสนใจเลย นั่นก็คือ คุณภาพอากาศภายในอาคาร ก๊าซเช่นคาร์บอนมอนอกไซด์ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย อนุภาค; จุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา สารก่อภูมิแพ้และอนุภาคอื่นๆ ล้วนส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร

จากข้อมูลของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม อากาศภายในอาคารสกปรกกว่าอากาศภายนอกถึง 25 ถึง 100 เท่า และคนส่วนใหญ่ใช้เวลา 90% อยู่ในอาคาร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณภาพอากาศที่ไม่ดีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา และแขกบางคนอาจมีโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคภูมิแพ้

โชคดีที่ผู้จัดการโรงแรมสามารถทำได้หลายอย่างเพื่อลดโอกาสที่เชื้อโรคที่ไม่ดีต่อสุขภาพจะแพร่กระจายในห้องพัก อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรมไดฟ์